เราจะพามาดูบทความใน Medium อันนึงบอกว่า ใช้ AI ให้พาเราเรียนของยากขึ้น ไม่ใช่แค่อ่านเร็วขึ้น โดยเสนอวิธีเรียนจาก textbook ด้วยชุดเครื่องมือ PDF parser + AI + whiteboard (Demo ด้วย Heptabase) เพื่อให้เข้าใจลึกและต่อเนื่องกว่าวิธีเดิม

สรุปบทความจาก Medium เรื่อง The Best Way to Use AI for Learning ผู้เขียน โดย 詹雨安 Alan Chan

บทความนี้จะพาเดินทีละ Step ว่าฉันใช้ AI สอนตัวเองจากตำรายังไง ผลลัพธ์ทั้งด้านความลึกและคุณภาพ Mind-blowing มาก เลยอยากแชร์ความตื่นเต้นนี้ให้กับทุกคน

โดยผู้เขียนเลือกหนังสือชื่อว่า Pattern Recognition and Machine Learning (PRML) โดย Christopher Bishop ยาว 710 หน้า และโหลด PDF ฟรีจาก Microsoft Research

ผู้เขียนเลือกเล่มนี้เพราะมันทำมาสำหรับนศ. ป.ตรีปลายทางถึง ป.เอกปีหนึ่ง ซึ่งก็ท้าทายสำหรับคนนอกสาย สำหรับ Demo นี้ฉันจะโฟกัสแค่ 32 หน้าแรกก่อน ถึงจะเป็นคอมพิวเตอร์ก็จริง แต่วิธีนี้ใช้ได้กับ “งานยาว หนัก แน่น” ในทุกสาย

เครื่องมือและองค์ประกอบหลักที่ต้องมี

  1. ไฟล์ PDF ของแหล่งที่เรียน (ดู appendix)
  2. PDF parser คุณภาพสูงพร้อม OCR ที่ดึง text / images / tables / equations ได้
  3. เข้าถึงโมเดล AI
  4. digital whiteboard ที่จดโน้ตได้

ผู้เขียนแนะว่า คุณไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็ได้ แต่ยิ่งครบ “เอฟเฟกต์ทบต้น” ต่อการเรียนก็ยิ่งแรง

Step 1: Parse the PDF

  • แปลง/parse PDF ก่อน เพื่อ “คุม” ว่า AI จะอ้างอิงส่วนไหน ทำให้คำตอบแม่นและครบกว่า RAG ทั่วไป
  • สั่งถามเฉพาะช่วงหน้า/ย่อหน้าที่เลือกได้ จะให้แปลหรือสรุปเฉพาะ Highlight ก็ทำได้
  • ถ้าเนื้อหายาวมาก เปิด MAX mode ใช้ context ใหญ่สุด จะได้ไม่ตกหล่นสิ่งสำคัญ

Step 2: Create the Learning Materials

  • แตกเนื้อหาเป็นการ์ดบน whiteboard ตามลำดับเล่ม อ่านง่าย มองภาพรวมได้ทีเดียว
  • ให้ AI ช่วยแปล/สรุป/ลิสต์นิยาม–สมการ วางคู่การ์ดต้นฉบับเพื่ออ่านสรุปก่อนลงลึก
  • ปรับให้เหมาะกับตัวเอง เช่น แปลภาษาถนัด แต่คงชื่อคน/ศัพท์เทคนิคเป็นอังกฤษ

Step 3: Read from the Whiteboard and Discuss with AI

  • อ่านการ์ดบนบอร์ดแล้วถาม AI ได้ทันที เพราะมันเห็น “ทั้งบริบท” ที่คุณจัดไว้
  • ให้ยกตัวอย่าง ทำโจทย์สมมุติ ตรวจความเข้าใจ หรือ quiz จุดที่งง
  • ลากคำตอบดี ๆ ของ AI ไปแปะข้างการ์ด เก็บเป็นประวัติความเข้าใจต่อเนื่อง

Step 4: Take Notes in Your Own Words

  • จบ session ให้เขียนสรุป ด้วยคำของคุณเอง เหมือนกำลังสอนคนอื่น
  • คัดสาระ/สมการจาก Board มาเรียบเรียงใหม่เป็น bullet ซ้อนระดับให้โครงชัด วิธีนี้ช่วยเจอรูรั่วตรรกะ และทำให้จำติดทนนานกว่าอ่านอย่างเดียว

Step 5: Visualize, Synthesize

  • เมื่อโน้ตยาว ให้ “แตกย่อย” แล้ววาดแผนภาพความสัมพันธ์บน whiteboard เพื่อสังเคราะห์ความเข้าใจลึก
  • เชื่อมโยงแนวคิดข้ามหัวข้อ/ข้ามเล่ม จนเห็นภาพรวม–ภาพลึกไปพร้อมกัน เหมาะมากทั้งการเรียนให้เข้าใจจริง และสังเคราะห์ไอเดียเพื่อทำวิจัย

เท่านี้ก็ได้ชุดเรียน + Q&A กับ AI

ประโยชน์ที่ได้

  1. รักษาสภาพ flow ระหว่างเรียนของยาก
  2. ลดเวลาสลับหน้า/สลับบริบท จากวินาทีเหลือมิลลิวินาที
  3. เข้าใจลึกขึ้น เพราะทำงานกับแหล่งปฐมภูมิ + ได้คำอธิบาย/ตัวอย่างเฉพาะจุดทันที
  4. วงจรเรียน–ถาม–จด–สังเคราะห์ ทำให้ความรู้ยึดติดและขยายได้ไว

ข้อสรุป:

AI ไม่ได้มาทดแทนการคิด แต่ทำให้งานระดับล่างเร็วขึ้นจนวิธีการเรียนระดับสูง” กลายเป็นไปได้ พาเราเข้าถึงความรู้ยาก ๆ และคิดได้ลึกกว่าเดิม

Source:

Medium