
MAI-DxO คือ ระบบ AI ใหม่จาก Microsoft ที่วินิจฉัยแก้ปัญหาโรคที่ซับซ้อน โดยใช้ข้อมูล New England Journal of Medicine จำนวน 304 Cases จาก NEJM วินิจฉัยด้วย reasoning รอบด้านด้วย OpenAI o3 ได้แม่นยำถึง 85.5%
อัปเดตผลทดสอบล่าสุดแบบเรียลไทม์ ปลายปี 2024 จนถึงปัจจุบัน พบว่าระบบนี้ทะลุข้อจำกัดของข้อสอบ USMLE
ช่วยจัดลำดับขั้นตอนสั่งตรวจเฉพาะจุด ลดภาระตรวจเกินและชี้จุดปัญหา over-testing ในวงการสุขภาพ ทำให้ประหยัดต้นทุนได้กว่า 4 เท่า
ฟีเจอร์
1. Sequential Diagnosis วินิจฉัยแบบค่อยเป็นค่อยไป
- เริ่มจากอาการเบื้องต้น → ถามประวัติเพิ่มเติม → สั่งตรวจ → อ่านผล → อัปเดตการวินิจฉัย → จนได้ข้อสรุปสุดท้าย
- ทำงานเหมือนหมอจริง ๆ ที่ค่อย ๆ ตรวจสอบแบบ Step by Step
2. Orchestrator System ควบคุม AI หลายตัวพร้อมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
– ระบบสามารถผสมผสานความสามารถของ AI หลายตัว เช่น GPT, Claude, Gemini และอื่น ๆ ทำให้ได้ความแม่นยำและหลากหลายของความคิดมากกว่าใช้ AI ตัวเดียว
3. มี Virtual Cost คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการตรวจแต่ละครั้ง
- ระบบจะประเมินราคาของการสั่งตรวจแต่ละครั้ง ช่วยลดการสั่งตรวจที่ไม่จำเป็น หรือตรวจซ้ำซ้อน
- สำคัญมากในโลกจริง เพราะโรงพยาบาลต้องบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
4. วินิจฉัยจากเคสจริงใน NEJM
- ทดสอบกับเคสจาก New England Journal of Medicine จำนวน 304 เคส เป็นเคสที่ซับซ้อนระดับโลก ที่แม้แต่หมอมืออาชีพยังตอบไม่ครบ
- ใช้ระบบ Sequential Diagnosis Benchmark (SD Bench) ในการวัดผล
5. เพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใส
- MAI-DxO ออกแบบมาให้ตรวจสอบย้อนกลับได้ (auditability) ช่วยให้เข้าใจว่า AI คิดอย่างไรถึงคำตอบสุดท้าย
- สำคัญมากสำหรับการนำไปใช้ในวงการแพทย์จริง

MAI-DxO ยังเป็นแค่ Research Demo ไม่ได้เปิดใช้จริง ใช้ทดสอบในงานวิจัยเท่านั้น ยังไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบทางคลินิก แต่อนาคตอาจนำมาช่วยแพทย์หรือประชาชนทั่วไป

ข้อสรุป
MAI-DxO เป็นระบบ AI วินิจฉัยโรคแบบลำดับขั้นจาก Microsoft ที่พัฒนา เพื่อช่วยแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขในการแก้ไขเคสซับซ้อนได้อย่างแม่นยำและประหยัดทรัพยากร