
ทุกคนชอบมองว่า Perplexity เอาไว้ Research อย่างเดียว แต่จริง ๆ จุดเด่นคือ ความยืดหยุ่น นอกจากค้นหางานวิจัยนี่แหละ
Nolen Jonker เอา Perplexity ไปใช้ทั้งงานและชีวิตประจำวัน กลายเป็นเครื่องมือเพิ่มความเร็วให้ทุกอย่าง ไม่ได้ไว้หาบทความยาก ๆ แต่ช่วยแก้ปัญหาจุกจิกได้ดีเกินคาด

4 วิธีใช้ Perplexity แบบไม่แตะงานวิจัย
- เรียนเครื่องมือใหม่เร็วขึ้น พิมพ์ถามให้มัน Guide วิธีทำแบบ Step by Step เช่น
- ตั้งค่า non-destructive ใน GIMP ไม่ต้องงมหาเอง หรือ What’s the equivalent of Figma’s Variables in Penpot?
- Nolen Jonker บอกว่า หากจ่ายรายเดือนแผน Pro ให้กับ Copilot mode จะใช้งานเครื่องมือได้มากกว่านี้ เช่น การยิงคำถามไล่ต่อให้เอง แต่เขาบอกว่า Perplexity ไม่ต้องจ่ายก็เรียนรู้ง่ายและลื่นขึ้นกว่า Copilot
- ค้นหาไอเดีย ขอเทรนด์/ตัวอย่างงานให้ดูภาพรวมเร็ว ๆ เอาไปต่อยอดดีไซน์ วิดีโอ เมนูอาหาร หรือแพลนออกกำลังกาย
- Perplexity ให้จุดเริ่มต้นที่เฉพาะเจาะจงและคัดมาให้มากกว่า และผูกคำตอบไว้กับแหล่งข้อมูลแบบ Realtime ไม่เหมือน ChatGPT ที่ชอบตอบเนียน ๆ แต่ลอย ๆ
- แก้ปัญหาไว โยนอาการเครื่องหรือแอพฯ เสีย และให้คำตอบเป็นภาษาคนเช่น OBS จับหน้าต่างไม่ได้ หรือ Mermaid เด้งผิด แล้วได้คำตอบใช้งานได้ทันที ไม่หลง Forum
- Perplexity จะดึงวิธีแก้ที่สดใหม่และเกี่ยวข้องจากหลายแหล่ง รวมถึง threads ที่ยัง active กับเอกสารทางการด้วย เร็วกว่าหาเอง
- ตามข่าวไว ใช้วิธี Discover เลือกหัวข้อที่สนใจ ได้สรุปย่อย ๆ พร้อมลิงก์ต้นทาง อ่านพอเข้าใจแล้วไปทำอย่างอื่นต่อได้
- Perplexity มี Discover tab เน้นหัวข้อมาแรงทั้ง tech, science, culture และหัวข้อที่มาจากแหล่งข่าวนั้นจริง ไม่ clickbait ไม่มี endless scroll

ข้อสรุป:
Perplexity ไม่ใช่ AI ค้นหางานวิจัยอย่างเดียว คือ ผู้ช่วยการแก้ปัญหา พร้อมแนบอ้างอิงที่ถูกต้องและ Insight ลึก


