จีนเชื่อว่าโลกควรสร้าง เค้กก้อนใหม่ แทนการแย่งชิงทรัพยากรเดิม และแก้ไขความขัดแย้งด้วยการเจรจาอย่างเท่าเทียม

สรุปคลิป Youtube: มองจีนด้วยสายตาจีน บุกงานประชุมโลก WEF ที่แดนมังกรจีน | The Secret Sauce EP.870 จากช่อง The Secret Sauce

เศรษฐกิจโลกและบทบาทจีนในวันนี้

  • โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน และกำลังเข้าสู่ โลกหลายขั้ว (multipolar world) ที่กฎเกณฑ์และสถาบันระดับโลกกำลังอ่อนแอลง มีความเป็นลัทธิชาตินิยมทางเศรษฐกิจจะมาแทนความร่วมมือแบบ Win-Win
  • บทบาทของ ประเทศกำลังพัฒนา หรือ Global South (เช่น ประเทศไทย) กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก โดยสัดส่วนการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 45% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การค้าดิจิทัลและสีเขียว เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายประเทศจับมือกันในระดับภูมิภาค แทนความร่วมมือแบบพหุภาคี และลดความเสี่ยงของการแตกแยกของห่วงโซ่อุปทาน
  • การค้าดิจิทัลและการค้าสีเขียว (Sustainability) เติบโตอย่างรวดเร็ว.

มุมมองของจีนในการประชุม World Economic Forum 2025

  • นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีนกล่าวว่า จีนต้องการเป็นตลาดใหม่ของโลก และกระตุ้นพลังผู้บริโภคในประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงและมหาอำนาจด้านการบริโภค รวมถึงการเปลี่ยนผ่านจาก โรงงานของโลก เป็น ผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก ในด้านพลังงานสะอาดและเทคโนฯ ขั้นสูง เช่น โซลาร์เซลล์, แบตเตอรี่, EV และ AI ที่สำคัญ คือ จีนพร้อมที่จะแบ่งปันนวัตกรรมผ่านแนวคิด Open Source Innovation

ผู้ประกอบการจีนคิดอะไร

  • ผู้ประกอบการจีนยุคใหม่มี Global Mindset และกำลัง Go Global มากยิ่งขึ้น พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนให้ขยายธุรกิจไปต่างประเทศอย่างมาก เนื่องจากตระหนักว่าตลาดภายในประเทศ เริ่มอ่อนแอลง และเผชิญข้อจำกัดในตลาดสหรัฐฯ
  • ผู้ประกอบการมองว่า การขยายธุรกิจไปทั่วโลกเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าสนใจ แม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่จะดำเนินธุรกิจในตลาดโลก
  • นายกรัฐมนตรีจีนเน้นย้ำว่า ผู้ประกอบการคือ แรงขับเคลื่อนของการเปลี่ยนแปลง และควรมี 1 กล้า นั่นคือ จิตวิญญาณผู้ประกอบการ
  • เคารพกฎระเบียบท้องถิ่น (local regulation) และ ธรรมาภิบาล (governance) มากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากจีนในอดีตที่อาจเน้นเรื่องผลกำไรและประสิทธิภาพเป็นหลัก
  • ตระหนักถึงความจำเป็นในการ ใช้คนและองค์ความรู้ท้องถิ่น (local content) ในการขยายธุรกิจ
  • ผู้ประกอบการเหล่านี้มองว่าการขยายธุรกิจไปทั่วโลกเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าสนใจ แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่จะดำเนินธุรกิจตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในตลาดโลก และยอมรับว่าธุรกิจจีนบางแห่งในอดีตอาจยังไม่ใส่ใจกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบท้องถิ่นมากนัก

เข้าใจระบบนิเวศ StartUp จีน

  • AI เป็นหัวข้อหลักและ Mega Trends สำคัญของการประชุมนี้ จีนให้ความสำคัญอย่างมากกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยหุ่นยนต์และเทคโนโลยี AI ซึ่งเชื่อว่าเป็นรากฐานของเศรษฐกิจในอนาคต

ตัวอย่างบริษัทและเทคโนโลยีสำคัญของ StartUp และบริษัทในจีน:

  • Black Lake Technology: บริษัท AI และ Cloud-based ที่ให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์สำหรับการเปลี่ยนผ่านโรงงานสู่ยุคใหม่ ปัจจุบันมีโรงงานกว่า 32,000 แห่งทั่วจีนที่ใช้บริการของ Black Lake CEO ของ Black Lake Technology ยังเป็นดาวรุ่งและติดอันดับ “40 under 40” ของ Forbes
  • Tencent Cloud: ได้พัฒนา Large Language Model ของตัวเอง และเป็นอันดับ 2 รองจาก DeepSeek ในด้านแอปพลิเคชัน AI
  • DeepSeek Movement: เป็นโมเดล AI แบบ Open Source ที่สำคัญ และคาดการณ์ว่าภายใน 2 ปี จะมีซอฟต์แวร์ AI แบบ DeepSeek เกิดขึ้นอีกเป็นร้อยในจีน ซึ่งถือเป็นคลื่นลูกใหม่ของเทคโนโลยีจีน
  • จีนมี ข้อได้เปรียบที่หายากคือ Algorithm และ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ จากประชากร 1.4-1.5 พันล้านคน รวมถึงกำลังการผลิตที่มหาศาลจากการเป็น Factory of the World มาก่อน
  • ผู้เชี่ยวชาญมองว่าสหรัฐฯ เก่งในการสร้างนวัตกรรมแบบ “Zero to One” (การประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ เช่น Open AI) ในขณะที่จีนเก่งในการ “One to 100” (การขยายขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น DeepSeek) ซึ่งทั้งสองส่วนนี้เสริมซึ่งกันและกัน
  • จีนมี บุคลากรด้าน AI ที่มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่ง และรัฐบาลมีมาตรการจูงใจดึงดูดคนเก่งจากต่างประเทศกลับมา เช่น การให้สิทธิอยู่อาศัยในเมืองใหญ่ได้ง่ายขึ้น
  • สตาร์ทอัพจีนกำลังมองหาโอกาสระดมทุนและความร่วมมือกับบริษัทจากยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลางมากขึ้น เนื่องจากความร่วมมือและการระดมทุนจากนักลงทุนสหรัฐฯ เป็นเรื่องยากขึ้นในปัจจุบัน การกีดกันจากสหรัฐฯ ในระยะยาวอาจเป็นผลดีที่บีบให้จีนต้องสร้างระบบนิเวศของตัวเองให้ครบวงจรมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาฮาร์ดแวร์ เช่น ชิป

ไทยควรทำอะไร

ประเทศไทยควรมี 4 มอง และ 1 กล้า เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและคว้าโอกาส:

  1. มองโลก: ทำความเข้าใจระบบเศรษฐกิจโลก, การค้าโลกที่เปลี่ยนไป, ภูมิรัฐศาสตร์, สิ่งแวดล้อม และสังคมสูงวัย เพื่อให้รู้ว่าโลกทำงานอย่างไรในปัจจุบัน
  2. มองจีน: ทำความเข้าใจความคิด การตัดสินใจ จุดแข็ง จุดอ่อน Mindset ของจีนในการ Go Global และนโยบายที่จีนมีต่ออาเซียน เพื่อเตรียมรับมือกับคลื่นลูกใหม่ของจีน ที่ไม่อาจปฏิเสธได้
  3. มองใหม่ (เทคโนโลยี): ตระหนักว่า โลกไม่สามารถเติบโตด้วยวิธีเดิมๆ ได้
    • เทคโนโลยี คือ New Growth Engine ที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและรูปแบบการทำงานแบบเดิมๆ
    • AI คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราต้องก้าวให้ทันและอัปเกรดตัวเอง
  4. มองตัวเอง (ไทย): เข้าใจความต้องการ จุดแข็ง จุดอ่อนของตนเอง กล้าที่จะประเมินตัวเอง และยอมรับความผิดพลาด ต้องมีความโปร่งใส และพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อดึงดูดทุนจีนที่ดีและมีคุณภาพ และความพร้อมของบุคลากรในประเทศในการรับคลื่นเทคโนโลยีใหม่ๆ
  5. 1 กล้า สำหรับไทยควรสู้ในตลาดโลก
    • กล้าที่จะเสี่ยง, ทดลองสิ่งใหม่, ล้มเหลว, แตกต่าง, เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง
    • ไทยควร มองธุรกิจจีนเป็นทรัพยากร ที่สามารถร่วมมือและใช้ประโยชน์ได้
    • คิดให้ใหญ่กว่าแค่ตลาดในประเทศ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในภูมิภาค รวมถึงจีน เพื่อขยายธุรกิจสู่ระดับสากล
    • สิ่งสำคัญคือการเลือก จีนที่ดี มีเทคโนโลยี เพื่อร่วมมือและพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวต่อไปได้
    • คิดเพื่อส่วนรวม กล้าคว้าโอกาสใหม่ และมุ่งสร้างการเติบโตที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน

ข้อสรุป

ผู้ประกอบการไทยต้องเข้าใจจีนใหม่ ในฐานะผู้นำนวัตกรรมและโอกาสความร่วมมือ ดังนั้นเราต้องอัปเกรดตัวเองด้วยเทคโนโลยี มีจิตวิญญาณผู้ประกอบการ และความกล้าที่จะมองตัวเองอย่างโปร่งใส เพื่อจับมือกับจีนขาวและขยายธุรกิจสู่เวทีโลก

Source:

Youtube