รายงานนี้ส่งสัญญาณว่าโลกกำลังก้าวจาก ช็อกระยะสั้น สู่ ระเบียบโลกใหม่ถาวร ที่ผันผวนสูง

สรุป E-Book: Chief Economists’ Outlook: September 2025 จาก World Economic Forum

ภาวะเศรษฐกิจโลก ณ ตอนนี้ ทนทานแต่เปราะบาง 72 % ของหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ตอบแบบสำรวจคาดว่า เงื่อนไขเศรษฐกิจโลกปีข้างหน้าจะอ่อนตัวลง ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้า การเมืองระหว่างประเทศ และภาวะเงินเฟ้อที่ยังผันผวน

การปรับตัวท่ามกลางความไม่แน่นอน (Adapting to uncertainty)

  • การเติบโตทั่วโลกในปี 2025 จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว (IMF ประมาณ 3 % เทียบกับ 3.7 % ก่อน Covid 19) ขณะที่ 82 % ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่าการกระจายตัวทางภูมิรัฐ-เศรษฐกิจ (geoeconomic fragmentation) จะรุนแรงขึ้น หลักฐาน คือ ภาษีศุลกากรสหรัฐชุดใหม่ การอ่อนค่าของดอลลาร์ และความก้าวหน้าของ AI ที่อาจพลิกโครงสร้างภาคแรงงานเร็วเกินคาด

เศรษฐกิจโลกแยกขั้ว ไม่ใช่รวมกัน

  • 56% ของนักเศรษฐศาสตร์เห็นตรงกันว่า โลกในอีก 3 ปีข้างหน้า แตกออกจากกันมากขึ้น แทนที่ประเทศต่าง ๆ จะร่วมมือ ก็ยิ่งแยกตัว สร้างกลุ่ม สร้างพันธมิตรเฉพาะของตัวเอง คือ ถ้าคุณทำธุรกิจข้ามประเทศ ต้องรู้ทันว่าห่วงโซ่เดิมกำลังไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แต่ละภูมิภาคมีจังหวะไม่เท่ากัน

  1. จีน: โตเร็ว แต่เงินเฟ้อสูงถึง 93%
  2. สหรัฐ: ไม่โตเลย (0%) และเงินเฟ้อยังวน
  3. ตะวันออกกลาง & แอฟริกาเหนือ: กลับมาฟื้น เพราะลงทุนในพลังงานและเทคโนโลยี
  4. ยุโรป: มีแรงโตน้อยมาก แถมเงินเฟ้อยังสูง (47%)
  • ตอนนี้ไม่ใช่ยุคที่ โลกหมุนด้วยจังหวะเดียวกันแล้วครับ ต้องอ่านเกมให้ดีว่า ตลาดไหนกำลังขึ้น ตลาดไหนกำลังหายใจรวยริน

4 ปัจจัยหลัก ที่กำลังเขย่า ระบบเศรษฐกิจโลกในระดับลึก

และถูกมองว่าเป็นต้นตอของความปั่นป่วนรอบใหม่ คือ:

  1. Geoeconomic Fragmentation – การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ
    • แรงกดดันจากสงครามการค้า ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และการตั้งกำแพงทางการค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะจากชาติมหาอำนาจ กำลังผลักให้โลกแยกออกเป็น “กลุ่มเศรษฐกิจ” แทนที่จะร่วมมือในกรอบเดียวกัน เช่น การลดพึ่งพาจีน, การสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจในกลุ่มที่มีแนวคิดเดียวกัน ฯลฯ
  2. Technological Transformation – การเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี
    • AI, Automation, Quantum และเทคโนโลยีล้ำยุค กำลังเคลื่อนตัวเร็วเกินกว่าที่กฎหมาย-แรงงานจะปรับตัวทัน ขณะเดียวกันยังสร้าง “สนามแข่งขันใหม่” ที่บางประเทศหรือธุรกิจยังเข้าไม่ถึง เพิ่มช่องว่างเชิงระบบ
  3. Supply Chain Reconfiguration – การจัดโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ หลังโควิดและความตึงเครียดระหว่างประเทศ หลายธุรกิจหันมาเน้น Reshoring, Nearshoring หรือ Friend-shoring มากขึ้น ซึ่งถึงแม้จะช่วยเรื่องความมั่นคง แต่กลับเพิ่มต้นทุน กระทบการไหลเวียนของสินค้าและทุนในภาพรวม
  4. Institutional Realignment – การอ่อนตัวของสถาบันโลก
    • องค์กรระหว่างประเทศ เช่น WTO, UN หรือธนาคารโลก ถูกมองว่ามีพลังน้อยลง ไม่สามารถจัดการปัญหาโลกยุคใหม่ได้ทัน เช่น AI regulation, ภัยโลกร้อน, หนี้สาธารณะของประเทศยากจน หรือความเหลื่อมล้ำข้ามชาติ
  • ทั้ง 4 ปัจจัยนี้ทำให้โลกเคลื่อนจาก ระบบความร่วมมือ ไปสู่ ระบบแข่งขันที่ไร้เสถียรภาพมากขึ้น และกำลังกดดันให้ประเทศ องค์กร และธุรกิจต้องเร่งปรับตัวอย่างเร่งด่วนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ (Towards a new global economic order)

  • เสาเศรษฐกิจ 9 ด้าน
  1. Trade and Investment การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ (กำแพงภาษี, FDI, ความเปิดของตลาด)
  2. Technology and Data เทคโนโลยี, ข้อมูล, ปัญญาประดิษฐ์, และการควบคุมข้อมูล (Data Governance)
  3. Labour Markets and Human Capital ตลาดแรงงาน, การจ้างงาน, ทักษะคน, และการพัฒนาแรงงาน
  4. Financial System ระบบการเงิน, การธนาคาร, การควบคุมทุน, สกุลเงินดิจิทัล
  5. Energy and Natural Resources พลังงาน (ทั้งเก่า-ใหม่), แร่หายาก, วัตถุดิบสำคัญ
  6. Climate and Environmental Sustainability ภาวะโลกร้อน, ESG, พลังงานสะอาด และเป้าหมาย Net-Zero
  7. Geopolitical Dynamics การเมืองระหว่างประเทศ, ความขัดแย้ง, และการจัดสมดุลอำนาจใหม่
  8. Global Cooperation and Multilateral Institutions ความร่วมมือระหว่างประเทศ, UN, WTO, IMF, ธนาคารโลก ฯลฯ
  9. Global Economic Architecture โครงสร้างเศรษฐกิจโลก เช่น ระบบภาษี, หนี้, การจัดสรรความมั่งคั่ง, กติกาการค้า
  • แล้วให้ผู้ตอบประเมินระดับ-ระยะ-ผลกระทบของความปั่นป่วน พบว่า 2 เสาที่ถูกรบกวนหนักสุดคือ การค้า (70 % ปั่นป่วนมาก) และ เทคโนโลยี-ข้อมูล (69 %) โดยกว่า 90 % เชื่อว่าความปั่นป่วนจะลุกลามไปยังระบบอื่น ขณะเดียวกันสถาบันโลก (UN, WTO) ถูกมองว่า กำลังอ่อนแรงลงอย่างถาวร

อะไรคือตัวผลักดันเศรษฐกิจให้โต?

  • ประเทศพัฒนาแล้ว: ใช้ เทคโนโลยี (70%) เป็นตัวขับเคลื่อน
  • ประเทศกำลังพัฒนา: เน้นพัฒนาคน (66%) และดึงเงินลงทุนจากต่างชาติ (41%)

หากคุณอยู่ในประเทศที่ยังไม่พร้อมด้านเทคโนโลยี = ต้องเร่งอัพสกิลคน + ดึงทุนเข้าประเทศ

อะไรฉุดเศรษฐกิจโลกไม่ให้โต?

  • ประเทศพัฒนาแล้ว: กลัว “ความไม่มั่นคงทางการเมือง (68%)”
  • ประเทศกำลังพัฒนา: กลัว “ระบบอ่อนแอ-ไม่มีเสถียรภาพ (58%)”
  • ทั้ง 2 กลุ่มยังมองตรงกันว่า กำแพงการค้าคือปัญหาใหญ่ ที่ทำให้ไม่โต

เส้นทางการเติบโตที่แตกต่าง (Diverging pathways)

  • เปรียบ ปัจจัยขับเคลื่อน-ตัวฉุดของประเทศพัฒนาแล้วกับกำลังพัฒนา— เทคโนโลยี-ทุนมนุษย์ คือ หัวใจของโลกพัฒนาแล้ว (87 % ให้ความสำคัญ)
  • ส่วน เงินทุนและทรัพยากร เป็นคอขวดใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนา (93 %) ขณะเดียวกัน อุปสรรคอันดับหนึ่งทั้งสองกลุ่มกลับตรงกันคือ ความไม่มั่นคงทางการเมืองและการแบ่งขั้วในสังคม

ผลสำรวจยังคาดว่า “ช่องว่างรายได้” จะขยายขึ้นใน 3 ปีข้างหน้า เว้นแต่นานาชาติจะลงทุน, เปิดตลาด และพัฒนาทักษะอย่างจริงจัง

ข้อสรุป:

เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ยุคแตกขั้ว-เปราะบาง โดย 56% ของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำคาดว่าช่องว่างระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาจะยิ่งถ่างขึ้นใน 3 ปีนี้ เทคโนโลยี, ความมั่นคงทางการเมือง, และการจัดระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ คือ ปัจจัยหลักที่เปลี่ยนเกม องค์กรและธุรกิจต้องเร่งปรับตัวผ่านการพัฒนาคน, กระจายความเสี่ยง และเข้าใจภูมิศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ให้ทันเวลา

Source:

WEF Forum, Techsauce