มะเร็งทางเดินอาหารมักไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก ทำให้ตรวจพบช้า ส่งผลให้รักษาได้ยาก Deep GI Phase 2 ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ความผิดปกติขณะส่องกล้องแบบเรียลไทม์ ให้ตรวจเจอไวขึ้น ลดความเสี่ยงพลาดจากการมองของคน

14 มิ.ย. 2568 ทีมนักวิจัยจากจุฬาฯ โชว์ผลงานระดับโลกอย่าง Deep GI Phase 2 ระบบปัญญาประดิษฐ์ช่วยแพทย์ตรวจหาความผิดปกติในทางเดินอาหารแบบเรียลไทม์ ในผู้ป่วยจริงเป็นครั้งแรกของโลก

โครงการ Deep GI เริ่มมาจากโจทย์ใหญ่ คือ การตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และตรวจไม่ทัน ทีมจุฬาฯ จึงพัฒนาเป็นระบบ Deep GI Phase 2 ต่อยอดมาจาก AI ตรวจลำไส้ใหญ่ มาถึงขั้นตรวจกระเพาะและท่อน้ำดีได้แล้ว

ถ่ายทอดสดสู่งาน IDEN 2025 ที่เกาหลีใต้ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนจากทั่วโลกเข้าร่วมชมและติดตาม แสดงการพัฒนาของ Deep GI Phase 2 จนสามารถตรวจมะเร็งกระเพาะอาหาร ตับ และท่อน้ำดี ได้แล้วในผู้ป่วยจริง พร้อมให้คำแนะนำแพทย์ทันที

ทำไม Deep GI Phase 2 ถึงสำคัญ:

  • มะเร็งเหล่านี้มักไม่มีอาการตอนเริ่มต้น คนเลยมาพบแพทย์ตอนระยะสุดท้ายแล้ว การมี AI ที่ช่วยตรวจจับความผิดปกติได้แม่นยำ และรวดเร็ว จะเปลี่ยนเกมการตรวจคัดกรองได้จริง

ผลลัพธ์เบื้องต้น:

ทดสอบใช้งานจริงที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้ว พบว่า AI ช่วยให้การตรวจจับความผิดปกติแม่นขึ้น 90 % ระบุตำแหน่ง ประเภทของเนื้อเยื่อผิดปกติ ลดโอกาสพลาดในการวินิจฉัย และเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ

ประโยชน์:

– ช่วยแพทย์ลด workload

– ตรวจจับตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

– รองรับการทำงานร่วมกับระบบปัจจุบันได้ดี

สิ่งที่จะพัฒนา

– ยังอยู่ในขั้นทดสอบบางแห่ง

– ต้องฝึกอบรมแพทย์ใช้ควบคู่

มุมผู้บริหาร & นักลงทุน, แพทย์:

– ผู้บริหาร เห็นศักยภาพในการนำ AI มาพัฒนาคุณภาพการดูแลสุขภาพ

– นักลงทุน สนใจในศักยภาพเชิงพาณิชย์ เพราะเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ global health

– แพทย์ หลายท่านมองว่า AI เป็น เครื่องมือช่วย ไม่ใช่แทนที่ แต่ช่วยลด workload ได้จริง

ข้อสรุป

Deep GI Phase 2 เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้เราตรวจมะเร็งได้เร็วขึ้น รักษาได้ทันเวลามากขึ้น เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนแพทย์เฉพาะทาง

Source:

Chula, Post Today